สนธิสัญญาลอนดอน ลงนามเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ระหว่างการประชุมลอนดอน ค.ศ. 1913 ว่าด้วยการปรับแก้ดินแดนอันเป็นผลมาจากการสิ้นสุดสงครามบอลข่านครั้งที่หนึ่ง
คู่เจรจามีทั้งสันนิบาตบอลข่าน (เซอร์เบีย กรีซ ราชอาณาจักรบัลแกเรีย และมอนเตเนโกร) ที่เป็นฝ่ายชนะ และจักรวรรดิออตโตมันที่เป็นฝ่ายแพ้ ชาติมหาอำนาจมีอังกฤษ เยอรมนี รัสเซีย ออสเตรีย-ฮังการี และอิตาลีเป็นตัวแทน
สนธิสัญญาดังกล่าวมีการเจรจาในกรุงลอนดอน ที่การประชุมระหว่างประเทศซึ่งเปิดตั้งแต่เดือนธันวาคม ค.ศ. 1912 หลังอัลเบเนียประกาศเอกราชเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ค.ศ. 1912
ออสเตรีย-ฮังการีและอิตาลีสนับสนุนการสถาปนาอัลเบเนียที่เป็นเอกราชอย่างแข็งขัน ซึ่งบางส่วนเป็นเพราะต้องกับนโยบายที่แล้วมาของออสเตรีย-ฮังการีที่สกัดกั้นการขยายตัวของเซอร์บไปสู่ทะเลเอเดรียติก อิตาลีหมายปองดินแดนดังกล่าว ซึ่งปรากฏออกมาใน ค.ศ. 1939 รัสเซียสนับสนุนเซอร์เบียและมอนเตเนโกร เยอรมนีและอังกฤษวางตัวเป็นกลาง สมดุลแห่งอำนาจปะทะกันระหว่างสมาชิกสันนิบาตอาหรับซึ่งถือว่าอัลเบเนียจะเป็นดินแดนยึดครองที่จะถูกแบ่งปันกันระหว่างประเทศทั้งหลาย
จากจุดอ่อนของสนธิสัญญาลอนดอน สงครามบอลข่านครั้งที่สองจึงปะทุขึ้นในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1913 การตกลงสันติภาพสุดท้ายได้ข้อสรุปเป็นสนธิสัญญาบูคาเรสต์ในวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1913
การลากพรมแดนที่แน่ชัดของรัฐอัลเบเนียตามพิธีสารฟลอเรนซ์ (17 ธันวาคม ค.ศ. 1913) ไม่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ประชากรกรีกท้องถิ่นที่อยู่ทางตอนใต้ของอัลเบเนีย ผู้ซึ่งหลังจากปฏิวัติแล้ว ก็ประกาศตนเองเป็นสาธารณรัฐปกครองตนเองอิไพรัสเหนือ ซึ่งได้รับการยอมรับจากนานาชาติเป็นแคว้นปกครองตนเองภายในรัฐอัลเบเนียภายใต้เงื่อนไขของพิธีสารคอร์ฟู